กล่องด้านหน้าและด้านหลัง

เปิดกล่องมาภายในเจอหูฟัง B&O H7 กลางเด่นเป็นสง่า เหมาะสมกับราคาในระดับพรีเมี่ยม โครงสร้างภายในกล่องแข็งแรงล็อคหูฟังให้อยู่กับที่ กันกระแทกอย่างดี

อุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดมีหูฟัง B&O H7 , ถุงผ้าใส่หูฟัง, สายชาร์จ Micro USB , สาย AUX และคู่มือการใช้งาน ในส่วนของถุงผ้า ผมล่ะไม่อยากจะบ่น แต่มันแทบไม่ช่วยปกป้องหรือกันกระแทกตัวหูฟังเลยซักนิด ถ้าใครต้องเดินทางบ่อยๆ คงต้องหาซื้อเคสที่ดีกว่านี้ครับ

 แผ่นรองหูทำจากหนังแกะให้ความรู้สึกนุ่มสบาย ทำให้เราใส่ฟังได้นานกว่าปกติ แต่ข้อต่อของหูฟังไม่สามารถพับได้ ได้แค่หมุนให้เป็นแนวนอนตามรูป

ด้านบนเย็บด้วยหนัง เพิ่มความแข็งแรง เพิ่มอายุการใช้งาน ดูหรูหรามีระดับ

ภายใต้หูฟังด้านขวาประกอบด้วยไฟสัญญานการเชื่อมต่อ, ปุ่มเปิดปิด , ช่อง Micro USB สำหรับชาร์จแบต , ช่องต่อหูฟัง AUX ขอบอกว่างงเหมือนกันครับที่ช่องต่อหูฟังดั๊นมาอยู่ด้านขวา

ส่วนฝั่งด้านซ้ายเป็นช่องสำหรับใส่แบตเตอรี่ ข้อดีของ B&O H7 คือไม่ต้องกลัวว่าใช้ไปนานๆแล้วแบตจะเสื่อม เพื่อนๆสามารถเปลี่ยนแบตได้ด้วยตัวเอง ซึ่งแบตรุ่นนี้หาซื้อไม่ยากเลย

เห็นแบตก้อนเล็กๆแบบนี้ สามารถเล่นต่อเนื่องได้นานสุดๆ 20 ชั่วโมงโดยผ่านสัญญานบลูทูธ ใช้เวลาชาร์จใหม่ราว 2 ชั่วโมงครึ่ง

ทางฝั่งหูฟังด้านขวามีแผงควบคุมแบบสัมผัสวัยรุ่นสุดๆ ถ้าอยากจะกดหยุดเพลงหรือรับสาย เพียงแค่ใช้นิ้วแตะ ถ้าจะเปลี่ยนเพลงให้ใช้นิ้วสไลด์ไปด้านหน้าหรือถอยหลังเพื่อกลับไปเพลงที่แล้ว ถ้าอยากจะปรับความดังของเสียงให้ทำสไลด์นิ้วเป็นวงกลม แรกๆการใช้งานอาจจะไม่ชิน แต่เมื่อใช้ไปสักพัก มันจะช่วยให้การควบคุมสะดวกมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าอันนี้เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ B&O H7 เป็นหูฟังที่เท่ห์ไม่เหมือนใครจริงๆ

เรื่องของ Sound

หลังจากที่ฟังมาสักพัก รู้สึกว่า B&O H7 จะเน้นในเรื่องความละเอียดของเสียงสูงมากๆ ถ่ายทอดออกมาได้คมชัด ในรูปแบบ Bang & Olufsen เสียงเบสลึกเป็นลูกชัดเจน โวลุ่มปรับได้จำกัด ใครที่ต้องการเปิดให้เสียงดังออกมาข้างนอก เห็นว่าคงจะไม่เหมาะกับ H7 ส่วนความแตกต่างการฟังระหว่างฟังแบบบลูทูธกับฟังผ่านสาย AUX นับว่ามีความแตกต่างกันอยู่บ้างไม่มาก ซึ่งถ้าฟังผ่านสายเสียงจะดีขึ้นมานิดนึง